ผู้ประกอบการยุคใหม่ควรรู้! ระบบ Industry 4.0 คืออะไร?

อธิบายระบบ Industry 4.0 แบบจบครบที่เดียว! 

ในวงการอุตสาหกรรมการผลิตในปัจจุบัน คำว่า ‘โรงงานอัจฉริยะ’ หรือ ‘ระบบ Industry 4.0’ เริ่มถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นสัญญาณที่บ่งบอกได้ชัดเจนว่า สิ่งนี้กำลังจะกลายเป็นมิติใหม่แห่งอุตสาหกรรมในอนาคต ด้วยเหตุนี้ ถ้าต้องการเป็นผู้ประกอบการที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล และนำพาธุรกิจให้อยู่คู่กับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมั่นคง การนำระบบ Industry 4.0 มาปรับใช้ย่อมเป็นสิ่งที่จำเป็นมากที่สุด แต่ในการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยระบบนี้จะต้องมีองค์ประกอบใดบ้างเพื่อช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ติดตามหาคำตอบได้ในบทความนี้

ระบบ Industry 4.0 คืออะไร?

ระบบ Industry 4.0 หรือโรงงานอัจฉริยะ เป็นคำที่ใช้เพื่อสื่อถึงเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงและการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของอุตสาหกรรมการผลิต ที่เรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งมีจุดเด่นด้วยการรวมเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น Internet of Things (IoT) การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ คลาวด์คอมพิวติ้ง และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อเข้าสู่กระบวนการผลิต

คำว่าระบบ Industry 4.0 ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2554 โดยรัฐบาลเยอรมันเพื่ออธิบายถึงความคิดริเริ่มเชิงกลยุทธ์ ที่มีเป้าหมายในการทำให้อุตสาหกรรมการผลิตในเยอรมนีให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล นับตั้งแต่นั้นมา แนวคิดดังกล่าวได้รับความนิยมไปทั่วโลก จนกระทั่งปัจจุบันยังถือว่าเป็นแนวคิดสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจและนวัตกรรม

หัวใจหลักของระบบ Industry 4.0 คือการสร้างระบบการผลิตที่ชาญฉลาด ทุกระบบเชื่อมโยงกันมากขึ้น เพื่อให้สามารถตอบสนองกับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ทำให้กระบวนการผลิตไม่ได้จำกัดอยู่ที่การผลิตสินค้าเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่รวมถึงการออกแบบ การบริการ ไปจนถึงการส่งมอบสินค้าด้วย

เทคโนโลยีสำคัญที่เรียกได้ว่าเป็นแกนหลักของระบบ Industry 4.0 คือ Internet of Things (IoT) ซึ่งหมายถึงเครือข่ายการผลิตที่ฝังเซ็นเซอร์ ซอฟต์แวร์ และเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกับอุปกรณ์และระบบอื่น ๆ ได้อย่างสะดวก ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิตและยังช่วยลดปัญหาการหยุดชะงักของเครื่องจักรระหว่างการทำงาน ในระบบการผลิตที่เคยมีมาก่อนหน้าด้วย 

เทคโนโลยีที่ระบบ Industry 4.0 ต้องมี

นอกจากการเข้าใจคอนเซปต์โดยรวมของระบบ Industry 4.0 แล้ว การที่ผู้ประกอบการจะปฏิวัติโรงงานของตัวเองให้กลายเป็นโรงงานอัจฉริยะ เพื่อให้สามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคงในอุตสาหกรรมการผลิตในอนาคตได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องติดตั้งเทคโนโลยีดังต่อไปนี้ 

• การเชื่อมต่อ: ความสามารถของเครื่องจักร เซ็นเซอร์ และอุปกรณ์ในการเชื่อมต่อและสื่อสารระหว่างกันผ่าน Internet of Things (IoT) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับระบบ Industry 4.0 เพราะจะช่วยให้สามารถแบ่งปันและวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตได้อย่างตรงจุด
  
  
• ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data): ด้วยการเพิ่มจำนวนของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ และข้อมูลจำนวนมหาศาลถูกสร้างขึ้นแบบเรียลไทม์ ด้วยเหตุนี้ ความสามารถในการจัดเก็บ ประมวลผล และวิเคราะห์ข้อมูลจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการสร้างโรงงานอัจฉริยะ  เพราะการวิเคราะห์ Big Data จะสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์ ให้ตรงกับความต้องการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
  
  

• ปัญญาประดิษฐ์ (AI): ระบบ Industry 4.0  อาศัย AI ในการวิเคราะห์และทำความเข้าใจกับข้อมูลจำนวนมหาศาลที่สร้างโดยอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ โดยเทคโนโลยีเหล่านี้จะทำให้เครื่องจักรสามารถเรียนรู้จากข้อมูลและตัดสินใจได้แบบเรียลไทม์ ลดการใช้งานแรงงานมนุษย์ซึ่งมีต้นทุนที่สูงกว่า
  
  
• ความปลอดภัยทางไซเบอร์: เมื่อมีอุปกรณ์และระบบเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ความเสี่ยงของการโจมตีทางไซเบอร์ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน มาตรการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เข้มงวดจึงเป็นสิ่งที่จะขาดไปไม่ได้ 
  
  
• การประมวลผลแบบคลาวด์: ความสามารถในการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลในระบบคลาวด์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับระบบ Industry 4.0 เพราะจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงข้อมูลได้จากทุกที่ ทุกเวลา 
  
  
• การผลิตที่ล้ำสมัย: ในปัจจุบัน เทคโนโลยีการพิมพ์แบบ 3 มิติ เป็นเทคโนโลยีหลักสำหรับระบบ Industry 4.0 ซึ่งช่วยให้สามารถผลิตชิ้นส่วนที่ซับซ้อนได้อย่างรวดเร็ว ลดการสูญเสียวัสดุโดยไม่จำเป็นได้มาก ซึ่งย่อมทำให้ต้นทุนการผลิตลดลงด้วยเช่นกัน

เปลี่ยนโรงงานของคุณเป็นโรงงานอัจฉริยะด้วย MitsubishiFA

ถึงตรงนี้ เชื่อว่าผู้ประกอบการคงตระหนักแล้วว่าระบบ Industry 4.0 สำคัญอย่างไร แต่ถ้าไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นอย่างไร ให้ Mitsubishi Electric พาคุณก้าวไปอีกขั้นกับโซลูชั่น Smart Factory ที่จะช่วยพัฒนาเทคโนโลยี FA ที่สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิต โดยรวมการเชื่อมต่อของอุปกรณ์ทั้งหมดในรูปแบบ IoT อีกทั้งยังสามารถช่วยวิเคราะห์และนำข้อมูลไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากสนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือติดต่อเราได้ที่ sales@MitsubishiFA.co.th หรือโทร. 02 092 8600